ขอเชิญชมบล๊อกของเราค่ะ/ครับ และเราก็ขอต้อนรับทุกท่าน

ก่อนชมกรุณาร่วมกันให้อาหารปลาน้อยด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทักษะการเต้นบี-บอย


ก่อนอื่น ก่อนจะเต้นต้อง วอร์มก่อนคือ แฮนสแตน หรือหกสูง ให้ได้อย่างต่ำ 20 วินาทีดึงแขน 20 ครั้ง แล้วก็ซิดอัพ 20 ครั้ง ก่อนจะเต้นต้องวิ่งซักประมาณ 500 เมตรเป็นอย่าต่ำบี-บอยจะมีสี่สายด้วยกัน คือ

1. สายหกสูง 2. สาย ป๊อบปิ้ง 3. สายมูฟ 4. สายทั่วไปคือแปรคแด๊น

สายหกสูงคือ เต้นประยุคท่าแฮนสแตนเป็นท่าโพสที่สวยงาม น้ำหนักที่ควรจะไม่เกินคืออย่าเกิน 55 เพราะจะยากมากๆในการโพส ท่านี้อาจทำให้กล้ามขึ้นสาย

ป๊อบปิ้งคือ การเต้นแบบลื่นไหล เป็นท่วงท่าสวยงาม เพมาะสำหรับผู้ชายรูปร่างผอม

สายมูฟคือ การใช้ร่ายกายในท่าทางต่างๆบนอากาศคือ เล่นนำหนักตัวนั่นเองการเอาทุกท่าทางมาผสมผสานกัน สายนี้นำหนักไม่ควรเกิด60 กิโล เพราะถ้าหนักมากกว่านี้คุณจะทำไม่ได้เลย

สายทั่วไปคือแบรคแด๊น การเต้นแบบเบรกๆในเพลงฮิพฮอพนั่นเอง คุณสามารถคิดท่าได้เองเพราะท่าของบี-บอยมีไม่จำกัดเลย มีเป็นร้อยๆท่า สายนี้ไม่จำกัดนำหนัก ส่วนสูง ไม่จำกัดหน้าตา

ทุกคนสามารถนำไปใช้ในการเต้นบี-บอยได้ครับ

ขนมไทยฝอยทอง

ขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีประวัติอันยาวนาน เกิดขึ้นในรัชสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีชาวโปรตุเกสนำสูตรขนมฝอยทองมาเผยแพร่
ให้แก่คนไทย ซึ่งตามปกติขนมไทยแท้ๆจะไม่เอาไข่เป็นส่วนผสมในการทำ ขนมกันนัก ส่วนใหญ่จะเป็น แป้ง กะทิ น้ำตาล มะพร้าวมากกว่าอย่างอื่น
เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาค้าขายกับคนไทยในยุคนั้นก็จะพาแม่บ้านมาด้วย
เลยได้สอนการทำฝอยทองให้แก่คนไทยจนเป็นที่ถูกอกถูกใจทำกินจนถึงปัจจุบัน


ส่วนผสม
1.น้ำเชื่อม 2.ไข่เป็ด 3.น้ำตาลทราย 4.น้ำค้างไข่ 5.น้ำลอยดอกมะลิ 6.ไข่ไก่
วิธีทำ
1. น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย
2. ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไฟเคี่ยวต่อ
3. ให้น้ำเชื่อมมีลักษณะไม่ข้นหรือใสเกินไป เหมาะสำหรับโรยฝอยทอง
4. ตอกไข่ แยกไข่ขาวออกใช้แต่ไข่แดง และเก็บน้ำไข่ขาวที่ใสไม่เป็นลิ่ม
เรียกน้ำค้างไข่
5. นำไข่แดงใส่ผ้าขาวบางรีดเยื่อไข่ออก ผสมไข่แดงกับน้ำค้างไข่ตามส่วน
คนให้เข้ากัน
6. เตรียมกระทะทองใส่น้ำเชื่อมเดือด ๆ ไว้ ทำกรวยด้วยใบตอง
หรือใช้กรวยโลหะใส่
7.ไข่แดงโรยในน้ำเชื่อมเดือด ๆ ไปรอบ ๆ ประมาณ 20-30 รอบ
เส้นไข่สุกใช้ไม้แหลม
8. สอยขึ้นจากน้ำเชื่อม พับเป็นแพ อบด้วยควันเทียนหลังจากเย็นแล้ว

การวิ่ง


ประโยชน์ของการวิ่งเหมือนกับการเดินซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพกาย หัวใจ กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดความเครียด และยังมีผลป้องกันโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ การวิ่งสามารถทำได้คนเดียว ทำได้ทุกแห่งแต่จะต้องมีการฝึกฝน
การวิ่งจะเผาผลาญพลังงานมากกว่าการเดินประมาณว่าคนที่มีน้ำหนัก 70 กิโลกรัมจะใช้พลังงานไป 12.5 กิโลแคลอรีทุกหนึ่งนาทีที่วิ่ง คนที่นำหนักมากจะใช้พลังงานในการวิ่งมากกว่าน้ำหนักน้อย

ประโยชน์ของการวิ่ง
ประโยชน์ของการวิ่งจะเหมือนกับการเดินออกกำลังกาย แต่ข้อดีของการออกกำลังกายคือใช้เวลาน้อยกว่าการวิ่งและมีผลดีต่อหัวใจมากกว่าการเดิน ข้อเสียของการวิ่งเมื่อเทียบกับการเดินคือมีอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อได้บ่อยกว่าการเดิน